คริคริ

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

     ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
-รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
-พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
-การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน

     รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 6 รูปแบบ ดังต่อปัยนี้ คือ
1.เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เช่น ดาวเทียม ถ่ายภาพทางอากาศ, กล้องดิติทัล, กล้องถ่ายวีดีทัศน์, เครื่องเอกซเรย์
2.เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล
เป็นสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น เทปแม่เหล็ก,จานแม่เหล็ก,จานแสงหรือจานเลเซอร์,บัตรเอทีเอ็ม
3.เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
4.เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล เช่นเครื่องพิมพ์,จอภาพ, พลอตเตอร์,และอื่นๆ
5.เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร,เครื่องถ่ายไมโครฟิล์ม
6.เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดหรือสื่อสารข้อมูลได้แก่ ระบบโทรคมนาคมต่างๆ เช่นโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง โทรเลข ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งระยะไกล และระยะใกล้

ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในทางธุรกิจ และการศึกษา ดังตัวอย่างเช่น
- ระบบเอทีเอ็ม
- การบริการและการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต
- การลงทะเบียนเรียน


พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร
การแสดงออกทางความคิดและความรู้สึกในการใช้รูปแบบของเทคโนโลยีทุกประเภท ที่นำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการจัดหา จัดเก็บ สร้างและเผยแพร่สารสนเทศในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ ภาพ ข้อความ หรือ ตัวอักษร ตัวเลขและภาพเครื่อนไหว เป็นต้น


การใช้อินเทอร์เน็ต
การวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนุักศึกษาในสถาบันศึกษาพบว่า
นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง เนื่องจากเห็นว่ามีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ในขณะที่การใช้อินเทอร์เน็ตของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาส่วนใหญ่ใช้เพื่อการเรียนรู้ การติดตามข่าวสารของสถานศึกษา

ใช้อินเตอร์เน็ตทำอะไรได้บ้าง
งานวิจัยชี้ว่า นักศึกษาใช้อินเทอร์เน็ตในการสนทนากับเพื่อน ๆ และการใช้่ค้นข้อมูลจากห้องสมุด

นอกจากนี้งานวิจัยยังชี้ว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และประกอบการทำรายงาน

สถานที่ที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
งานวิจัยพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้าน และมีการใช้อินเตอร์เน็ตที่ห้องสมุดของสถาบัน

นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีการใช้หรือมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อยในรูปแบบไหนบ้าง ?
งานวิจัยชี้ว่า นักศึกษามีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านี้น้อย ได้แก่ ฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การเรียนรู้แบบออนไลน์ ( e-learning ) วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย ( video on Demand ) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
- การเรียนรู้แบบออนไลน์ ( e-learning )
- บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ( Computer Assisted Intruction - CAI ) หรือ ( Computer Aide Intruction )
- วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย ( Video on Demand - VOD)
- หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( e - Books )
- ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ( e - Library )

การเรียนรู้แบบออนไลน์ ( e-learning )
เป็นการศีกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ( Internet ) หรือ อินทราเน็ต ( Intranet ) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดืโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรืยนผ่านเว็บบราวเซอร์ ( Web Browser ) โดยผู้เรียนผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อปรึกษา และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้ เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติโดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารมี่ทันสมัยสำหรับทุกคน โดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ ( Learning for all : anyone , anywhere and anytime )

บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ( Computer Assisted Intruction - CAI )

คือบทเรียนคอมพิวเตอร์ซึ่นำเสนอสารสนเทศที่ได้ผ่านกระบวนการสร้างและพิจรณามาเป็นอย่างดี โดยมีเนื้อหาวิชาหรือสารสนเทศ แบบฝึกหัด การทดสอบและการให้ข้อมูลป้อนกลับให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต่อบทเรียนได้ตามระดับความสามารถของตนเอง เนื้อหาวิชาที่นำเสนอจะอยู่ในรูปมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย อักษร รูปภาพ เสียง หรือ ทั้งภาพทั้งเสียง ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการนำหลักการเบื้องต้นทางจิตวิทยาการเรียนรู้มาใช้ในการออกแบบโดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้ ( Learning Behavior ) ทฤษฎีการเสริมแรง ( Reinforcement Theory ) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขปฏิบัติ ( Operant Conditioning Theory ) ซึ่งถือว่าความสัมพันธ์ระหว่าสิ่งเร้ากับการตอบสนองและการเสริมแรงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีจุดมุ่งหมายนำผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาศัยการสอนที่มีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เป็นการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและมีผลย้อนกลับทันทีและเรียนรู้ไปทีละขั้นตอนอย่างเหมาะสมตามความต้องการและความสามารถของตน

วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย ( Video on Demand - VOD)

คิอระบบการเรียกดูภาพยนต์ตามสั่งที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูภาพยนต์หรือข้อมูลภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงได้ตามต้องการ ตามสโลแกนที่ว่า " To view what one wants , when one wants " โดยสามารถใช้งานนี้ได้จากเครือข่ายสื่อสาร ( Telecommunication Networks ) ผู้ใช้งานซึ่งอยู่หน้าเครื่องลูกข่าย ( Video Client ) สามารถเรียกดูข้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ทุกเมือตามต้องการและสามารถควบคุมข้อมูลวิดีโอนั้นๆ โดยสามารถย้อนกลับ ( Rewind ) หรือกรอไปข้างหน้า ( Forward ) หรือหยุดชั่วคราว ( Pause ) ได้ เปรียบเสมือนการดูวิดีโอที่บ้านนั่นเองทั้งนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายไม่จำเป็นต้องดูข้อมูลเดียวกัน กล่าวคือสามารถดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน หรือต่างกันได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น